อ่าน ชิงนาง ตอนที่3 วันที่ 30 กรกฎาคม 2555 ย้อนหลัง

{[['']]}
ภูผาและสว่างขับรถมาจอดพรืด! ที่แนวไม้กั้นทางเข้าหน้าไร่ มองป้าย “ไร่ฟ้าเหนือฟ้า” รู้ว่ามาไม่ผิดที่แน่
      
       สว่างกังวลไม่หาย “บุกมาถึงถ้ำเสือเลยเหรอครับนาย”
       ภูผาพูดนิ่งๆ “ถ้ำเสือ..หรือแค่รังโจร…เดี๋ยวก็รู้”
       ลูกน้องเหนือฟ้า 2 คนที่เฝ้าอยู่เดินกร่างเข้ามาทันที
       สว่างบอกลูกน้อง “นายภูผาต้องการเจรจากับพ่อเลี้ยงเหนือฟ้า”
       มันหันไปมองหน้ากัน เมื่อรู้ว่าคนที่มาเยือนนี่คือ ภูผา
       ลูกน้องคนหนึ่งเดินมาขวางหน้ารถ “ไร่ฟ้าเหนือฟ้าไม่ต้อนรับ!”
       ภูผายิ้มมุมปาก “ที่แท้ก็แค่รังโจร!”
       ลูกน้องอีกคน เดินมาหยุดที่ข้างรถฝั่งภูผาและออกคำสั่ง
       “กลับไป!”
       ลูกน้องคนแรกเริ่มนับ “นับหนึ่ง...นับสอง........นับ.....”
       ยังไม่ทันจะ “สาม” ภูผาต่อยเปรี้ยงไปลูกน้องคนที่ไล่ หงายเงิบสลบกลางอากาศ
       ภูผากระโดดพรวดไปที่กระโปรงหน้ารถแล้วเตะเสยลูกน้องที่เหลือ จนล้มคว่ำไปที่หน้ารถ มันฮึดสู้ จะชักปืนออกมา แต่สว่างเหยียบคันเร่ง พรวด! พุ่งรถเข้าใส่ ลูกน้องเหนือฟ้าล้มกลิ้งหงายไปอยู่ใต้ท้องร ลุกขึ้นไม่ได้เพราะรถคร่อมตัวอยู่
       สว่างชักเริ่มสนุก ตะโกนบอกภูผา “ไปกระตุกหนวดเสือกันครับนาย!”
       ภูผากระโดดขึ้นรถ สว่างเร่งคันเร่งรถมุ่งหน้าเข้าไปในไร่
       ลูกน้องลุกขึ้นมาได้สีหน้าตกใจ รีบวิ่งตามรถเข้าไป
      
       เหนือฟ้าแทงพูลอยู่ในบ้าน แต่พลาด
       “เว้ย!” อารมณ์เสีย
       ภูผาและนายสว่างเดินพรวดเข้ามา ลูกน้องเหนือฟ้าเห็นเข้ารีบออกมารับหน้า
       เหนือฟ้าเงยหน้าจากโต๊ะพูลขึ้นมอง เห็นว่าเป็นภูผาก็ยิ้มร้าย
       ลูกน้องที่หน้าประตูไร่ วิ่งกระเซอะกระเซิงตามเข้ามา
       “พ่อเลี้ยงครับ..ผมห้ามมันไม่อยู่” ลูกน้องบอก
       เหนือฟ้ามองไม่พอใจลูกน้องก่อนเอ่ยกับภูผา “กล้ามาเหยียบถึงถิ่นเลยเหรอ ไอ้ภูผา”
       “ฉันกล้าเหยียบทั้งนั้น ไม่ว่าจะถิ่นไหน..หรือหน้าไหน!” ภูผาบอกไม่สะทกสะท้าน
       “ไอ้ภูผา!”
       “ฉันมาที่นี่เพื่อทำไร่ ไม่ได้มาเพื่อมีปัญหากับใคร” เสียงเข้มขึ้น “ถ้าไม่คิดจะเป็นมิตร ก็ต่างคนต่างอยู่!”
       เหนือฟ้ามองภูผานิ่งๆ ก่อนจะพูดขึ้น
       “ต่างคนต่างอยู่น่ะไม่ยาก แต่แกกำลังยุ่งกับหนูนา ผู้หญิงของฉัน!”
       สว่างฟังแล้วไม่เข้าหู รู้สึกไม่พอใจ “ผู้หญิงของพ่อเลี้ยงที่พูดถึงน่ะ..หลานผมนะคร๊าบ”
       “ลูกหลานใครฉันไม่สน! คนอย่างพ่อเลี้ยงเหนือฟ้า..อยากได้อะไรต้องได้”
       สว่างไม่พอใจหนัก “อ้าว”
       ภูผาขัดขึ้นเสียงเรียบๆ “ถามผู้หญิงเขาหรือยังว่าอยากเป็นผู้หญิงของนายหรือเปล่า”
       เหนือฟ้าโกรธ “ไอ้ภูผา!”
       เหนือฟ้าพุ่งจะเข้าเล่นภูผา ภูผาชักปืนจ่ออย่างไม่หวั่นเกรง
       ลูกน้องเหนือฟ้าชักปืนออกมาเล็งไปที่ภูผา จังหวะเดียวกับที่สว่างก็ชักปืนออกมาประจันหน้ากับกลุ่มลูกน้องเหมือนกัน
       เหนือฟ้าอึ้ง ตาค้าง เมื่อเห็นว่าถูกปืนภูผาจ่ออยู่ตรงหน้า
       “เอาสิ พวกมันยิง ฉันยิง! ดูสิว่ากระสุนของฉันกับลูกน้องนายใครจะไวกว่ากัน แต่ระยะแค่นี้..ฉันไม่พลาดเป้าแน่!” ภูผาขู่ท่าทีแน่วนิ่ง
      
       ในบรรยากาศแสนตึงเครียดนั้น ภูผากลับดูสงบนิ่ง ในขณะที่เหนือฟ้าเหงื่อเริ่มแตก
       วันชัยเดินเข้ามาบอกเสียงเรียบๆ “เก็บปืน!”
       วันชัยก้าวเข้ามาในห้อง ภูผาเหลือบมองวันชัยแวบหนึ่ง ดูเก๋าเกมไม่เบา วันชัยก้าวเข้ามาขวางทางปืนที่จ่อไปที่เหนือฟ้าอย่างไม่พรั่นพรึงใดๆ พวกลูกน้องชะงัก
       “ฉันสั่ง” วันชัยเสียงเข้ม “ให้เก็บปืน”
       เหนือฟ้าขัดใจ “พี่วันชัย!!”
       วันชัยยกมือห้ามเหนือฟ้าไม่ต้องพูด มองภูผาอย่างประเมินความสามารถ “ไม่เบานี่...”
       “อย่ายุ่งกับไร่ของฉันอีก” บอกกับเหนือฟ้า “ส่วนเรื่องหนูนา ฉันเป็นนายก็ต้องดูแลปกป้องลูกน้องของชั้น”
       ภูผาจ้องหน้าวันชัยและเหนือฟ้า ก่อนจะกลับออกไปมาดอย่างเท่ โดยมีสว่างจ่อปืนเดินถอยระวังหลังตามภูผาไป
       เหนือฟ้าโวยใส่ลูกน้อง
       “ยืนทำบื้ออะไร ตามไปเก็บมันสิวะ”
       วันชัยสั่งเฉียบขาด “ใครตามไป ข้าจะยิงทิ้งให้หมด”
      
       ทุกคนชะงักกึก
วันชัยเดินเข้ามามองหน้าเหนือฟ้าใกล้ๆ พูดเบาๆ กับเหนือฟ้าแต่เสียงเข้ม
       
       “ในสายตาคนอื่นเราต้องเป็นเสือไม่ใช่หมาลอบกัด! ถ้ามันเป็นศพอยู่ในไร่เรา พ่อเลี้ยงก็จะกลายเป็นแค่นักเลงหางแถว” วันชัยหันกลับมาพูดกับลูกน้อง “ไอ้เหงี่ยม!”
       ลูกน้องชื่อเหงี่ยมก้าวออกมา
       “ครับ นาย!”
       วันชัยยิงเปรี้ยง! เข้าที่ลำตัวลูกน้อง เหงี่ยมสะดุ้งเฮือก! ทรุดลง ทุกคนตกใจ
       “เพราะเอ็งปล่อยให้ไอ้ภูผามันเข้ามาหยามพ่อเลี้ยงเหนือฟ้ากับข้าได้ ถึงที่นี่” หันไปพูดกับลูกน้องคนอื่นๆ “พวกเอ็งจำไว้ ต่อไปใครทำงานพลาด..ตายสถานเดียว!!”
       ทุกคนอึ้งไปหมด….แล้วค่อยๆ ลากลูกน้องดวงกุด ออกไป
       เหนือฟ้าโวยวายอย่างเสียหน้า
       “ไหนพี่บอกนับถอยหลังได้เลยไง นี่แค่ข้ามวัน..มันก็มาเหยียบหน้าฉันถึงที่แล้ว เลี้ยงเสียข้าวสุก”
       วันชัยหันขวับจ้องหน้าเหนือฟ้า เหนือฟ้าจ้องกลับด้วยความโกรธก่อนฮึดฮัดออกไป
       วันชัยกำมือแน่นอย่างเจ็บแค้น ซึ่งดูไม่รู้ว่าแค้นภูผา หรือว่าเหนือฟ้ากันแน่!
      
       ที่ท่าเรือวงเดือนจัดสำรับปิ่นโตให้พฤกษ์
       “ทานข้าวก่อนนะคะจะได้ทานยา”
       พฤกษ์หยิบช้อนจะตักข้าว แต่ไม่ถนัดนักเพราะเจ็บแผล วงเดือนเห็นจึงตัดสินใจขอช้อนมาจากพฤกษ์ พฤกษ์ส่งให้งงๆ
       “เดือนป้อนให้ดีกว่านะคะ”
       วงเดือนตักข้าวป้อน พฤกษ์มองอึ้งๆ ไม่คิดว่าเดือนจะทำให้ พฤกษ์ตื่นเต้นนิด ๆ อ้าปากรับการป้อนจากวงเดือน สีหน้ามีความสุข ในขณะที่วงเดือนทำไปตามหน้าที่
       เมฆาจะเข้ามาแล้วต้องชะงัก เมื่อเห็นวงเดือนป้อนข้าวพฤกษ์
       เมฆาจับอาการเห็นชัดว่าพฤกษ์มองวงเดือนอย่างมีความสุขมาก เมฆาลอบมองอย่างเข้าใจ
       วงเดือนถาม “ทำไมคุณพฤกษ์ถึงไม่กลับบ้านคะ คุณลุงคุณป้าท่านเป็นห่วงคุณพฤกษ์มากนะคะ”
       พฤกษ์อึ้งไป เพราะเคยพูดกับย่าว่าจะเป็นคนขอไปจากบ้านเอง
       วงเดือนอึดอัดใจ “เป็นเพราะเดือนหรือเปล่าคะ”
       พฤกษ์โกหก “ไม่ใช่นะ ไม่เกี่ยวกับเดือน”
       “ถ้าอย่างนั้น...คุณพฤกษ์ก็กลับบ้านเถอะนะคะ อยู่ที่นี่มันไม่สะดวกสบาย”
       “แต่ที่นี่..เป็นที่ที่ฉันอยู่กับเดือนได้..โดยไม่ต้องกังวลสายตาคุณย่า”
       วงเดือนอึ้งกับเหตุผลของพฤกษ์
       “เดือน...ฉัน...”
       เมฆาเดืนเข้ามาขัดจังหวะทันที
       “พี่พฤกษ์ เป็นยังไงบ้าง” วางถุงยาในมือลง “ผมเอายามาเพิ่มให้ ยังปวดแผลอยู่ไหม?”
       “ดีขึ้นมากแล้ว” พฤกษ์บอก
       เมฆาพยักหน้ารับรู้และหันไปหาวงเดือน “ถ้าอย่างงั้นเราไปกันเถอะ”
       “จะไปไหน”
       “คลินิกครับ นี่ใกล้เวลาเปิดแล้ว เดี๋ยวคนไข้จะรอ” เมฆาบอก
       วงเดือนรับคำ “ค่ะ”
       เมฆาเดินออกไป วงเดือนลุกตามไปแต่ยังไม่วายหันมาหาพฤกษ์
       “กลับบ้านนะคะคุณพฤกษ์”
       พฤกษ์ยิ้มน้อยๆ ส่งให้..ไม่ตอบอะไร วงเดือนเดินออกไป พฤกษ์มองตามอย่างอาลัยอาวรณ์
      
       แต่ไม่นานหลังจากนั้น เมฆากลับเดินนำวงเดือนเข้ามาในร้านอาหาร พาไปนั่งที่โต๊ะในมุมหนึ่ง
       “คุณเมฆาคะ ไหนว่าเราจะรีบไปคลินิกไม่ใช่เหรอคะ”
       “ตั้งแต่เช้า ฉันยังไม่ได้ทานอะไรเลย ขอทานข้าวก่อนได้ไหม”
       วงเดือนเจอเสียงนิ่มๆ ขอร้องในที ของเมฆาก็ยิ่งไม่กล้าปฏิเสธ “ค่ะ”
       เมฆาดูเมนู “ทานอะไรดี”
       วงเดือน มองอาการเกรงใจปนอึดอัด “เดือนยังไม่หิวค่ะ”
       เมฆามองวงเดือนที่ดูเกร็ง ก็ยิ้มนิดๆ แต่ไม่เซ้าซี้ พนักงานเดินมารับออเดอร์
       เมฆาเริ่มสั่ง “ข้าวผัดกุ้งที่นึงแล้วก็” มองวงเดือน “น้ำส้มแก้วนึงนะเดือน”
       วงเดือนพยักหน้ารับอย่างเกรงใจ พนักงานเดินกลับไป
       เมฆามองเดือน “อึดอัดเหรอ”
       วงเดือนอึกอัก “เดือนคิดว่ามันไม่เหมาะ ถ้าใครมาเห็นเข้า”
       เมฆาสวนออกมาไม่แคร์ “ฉันไม่สน”
       วงเดือนอึ้ง
       เมฆาเสียงนุ่มนวลลงแต่จริงจัง “ขอให้ได้อยู่กับเธอ ฉันไม่สนใจใครทั้งนั้น”
      
       วงเดือนเจอยิงคำหวานใส่ก็ได้แต่อึ้ง หันเมินมองไปทางอื่น
   ที่ประตูหน้าร้านเวลานั้น โฉมไฉไลเดินเข้ามากับเพื่อนสาว
       
       “โฉม นั่นมันคุณเมฆานี่ มากับสาวที่ไหนล่ะนั่น?”
       โฉมไฉไลหันไปมอง เห็นวงเดือนนั่งอยู่กับเมฆา ก็โกรธจี๊ดของขึ้นมาทันควัน
       “ไหนว่าคุณเมฆาเขาหลงเธอจนโงหัวไม่ขึ้นไง” เพื่อนปากดียิ้มเยาะ “ฉันว่าไอ้ที่เขาหลงน่ะ
       ..ยัยหน้าหวานนั่นมากกว่า ไม่ใช่น้ำพริกถ้วยเก่าอย่างเธอแล้วล่ะ”
       โฉมไฉไลพีคสุดแล้ว พุ่งเข้าไปหาเมฆากับวงเดือนที่โต๊ะทันที เพื่อนสาวรีบตามไป
       วงเดือนหันไปเห็นโฉมก็ตกใจ หวั่นจะมีเรื่องเหมือนครั้งก่อน
       โฉมไฉไลทักเมฆาเสียงขุ่น “ไม่มีเพื่อนทานข้าวทำไมไม่บอกโฉมล่ะค่ะ” โยนค้อนให้วงเดือน
       “จะได้ไม่ต้องลำบากลากคนรับใช้ในบ้านมาร่วมโต๊ะด้วยแบบนี้”
       วงเดือนหน้าเสีย
       “เอ่อ..เดือนขอตัวก่อนนะคะ”
       โฉมไฉไลคว้าแขนวงเดือนไว้ จิกแขนแน่น “อยู่บ้านผู้ดีแท้ ๆ แต่ไม่มีมารยาทจะลุกหนีไปดื้อๆ อย่างนี้ได้ยังไง”
       เมฆาปราม ไม่อยากให้มีเรื่อง “โฉม!”
       โฉมไฉไลแววตาแข็งกร้าวแต่พูดเสียงหวาน “นั่งก่อนสิจ๊ะเดือน”
       พลางโฉมไฉไลดึงวงเดือนให้ลงนั่ง วงเดือนจำใจ จากนั้น..โฉมไฉไลถือวิสาสะนั่งลงร่วมโต๊ะด้วยเลย
       เพื่อนสาวเห็นสีหน้าเมฆาตึง รู้ว่าไม่พอใจแน่ ก็รีบเอ่ยขึ้น “โฉม..ฉันว่า”
       โฉมไฉไลพูดกับเพื่อน “เธอยังไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้ใช่ไหม หล่อนชื่อวงเดือนเรียนจบพยาบาล” หันมาพูดกับวงเดือน “เธอเก่งทางด้านอะไรนะ จับ..หมอใช่ไหม?!”
       โฉมไฉไลหัวเราะเสียดสีเต็มที่
       เพื่อนสาวทำหน้าไม่ถูก รู้ว่าเดี๋ยวมีตบกันแน่
       เมฆามองวงเดือนที่หน้าเสีย ก็ไม่พอใจลุกขึ้นทันที เมฆาหยิบเงินวางบนโต๊ะแล้วคว้ามือวงเดือน
       “ไป!”
       เมฆาจะดึงวงเดือนลุกไป แต่โฉมไฉไลดึงแขนเมฆาไว้เช่นกัน
       “คุณจะไปไหน”
       เมฆาตอกหน้าไม่เกรงใจแล้ว “ไปไหนก็ได้ที่ไม่มีคุณ”
       “คุณเห็นนังนี่ดีกว่าฉันเหรอ”
       เมฆาสวนคำทันที “ใช่!”
       เมฆาปลดมือโฉมไฉไลอย่างไม่แยแส แล้วจูงมือวงเดือนเดินออกไป
       เพื่อนสาวทำทีหวังดีแต่ปรารถนาร้าย “ฉันว่าเธอตกกระป๋องแล้วล่ะโฉม”
       โฉมไฉไลแค้นจัดขบกรามคำรามในลำคอ
       “นังวงเดือน!!”
      
       ด้านภูผาอาบน้ำเสร็จ อยู่ในห้อง โยนผ้าเช็ดตัวและหยิบเสื้อมาสวม เสียงสว่างดังเข้ามา
       “นายครับ..นาย...”
       ภูผาเดินออกไปหน้าบ้าน เห็นหนูนา นายสว่างกับคนงานทั้งหมดรออยู่แล้ว มีคนแก่มาด้วยสองสามคน
       สว่างร้องขึ้น “อ้าว มาแล้ว” หันไปบอกคนงาน “เตรียมตัวให้พร้อมเว้ยเฮ้ย”
       หนูนาทำหน้าเยาะใส่ภูผา
       “ให้คนทั้งไร่มายืนรอตั้งนาน อย่างนี้ต้องโดนลงโทษ”
       “จัดเต็ม” ดอยรับมุก
       จากนั้นดอยและคนงานอื่นๆ ที่ทำงึมๆ กันอยู่กรี๊ดกันขึ้นมากรูเข้าใส่ภูผาปะแป้ง พรมน้ำ โปรยดอกไม้
       คนแก่ผูกข้อมือ เป่าหัวปู๊ดๆๆ…ภูผางงไปหมด
       ดอยปะแป้งภูผา หอมแก้มซ้ายขวา แล้วกรี๊ดกร๊าดชอบใจ
       “แอร๊ยย ได้กำไรอ้ะ”
       สว่างหัวเราะร่า เข้ามาบอก
      
       “ธรรมเนียมคนเหนือน่ะครับ รับขวัญกันหน่อย โชคร้ายให้มันหายไป เหลือไว้แต่โชคดี” สว่างว่า
       ภูผาซึ้งใจ ยิ้มกว้าง หันไปสบตากับหนูนาที่มองมา…ภูผายิ้มให้
       หนูนาทำไม่สน เชิดเชอะหันหลังให้ เห็นว่าอมยิ้ม ภูผาอดยิ้มตามไม่ได้
      
       เวลาผ่านไป
       เย็นนั้นภูผานั่งอยู่ตรงระเบียงบ้านพัก ลมหนาวโชยมาปะทะใบหน้าภูผา ชายหนุ่มสัมผัสกับความหนาวเย็นยะเยือก ทอดสายตาไปยังยังเทือกเขาล้อมรอบเบื้อหน้า ไล่สายตาตามหมอกจางๆ ที่ลอยล่องเป็นกลุ่มเหนือนภา ภูผากอดอกเรียกไออุ่น พูดกับตัวเอง
       “อากาศเริ่มเย็นลงแล้ว อีกไม่นานหน้าหนาวก็จะมาถึง...”
      
       ค่ำคืนเดียวกันนั้น ศรีเรือนนั่งอ่านจดหมายใบหน้าของหญิงชรายิ้มนิด ๆ ที่ได้รับรู้ความเป็นไปของหลานชา ผู้อยู่ไกล
       “คนที่นี่พูดกันว่าปีนี้คงจะหนาวกว่าปีที่แล้วมาก”
      
       ตอนเช้าวันต่อมา กล่องรับจดหมายหน้าบ้าน...ถูกวงเดือนเปิดออกแต่ไม่เจออะไร หญิงสาวถอนหายใจปิดกล่องด้วยสีหน้าผิดหวัง
      
       ค่ำคืนนั้นศรีเรือนอยู่ในห้องนอน กำลังอ่านจดหมายของภูผา เห็นภาพหลานชายคนรองแห่งแสนสมุทร ราวกับเขายืนเล่าอยู่ตรงหน้า
       “ไร่ชาของเรา พร้อมเผชิญกับความหนาวที่คนแถวนี้ร่ำลือกันแล้ว
       หญิงชรานึกเห็นเป็นภาพภูผากำลังออกแรงทำงานในไร่
       “ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะหนาวแค่ไหน”
       เห็นฉากชีวิตที่ภูผาช่วยกันกับคนงาน ตอกรั้วกั้นเขตไร่
       “แต่ไม่ว่ายังไง เลือดทะเลอย่างผมก็ต้องทนให้ได้”
       ภูผาช่วยคนงานแบกไม้หนักอึ้งอย่างแข็งขัน
       “มันไม่ใช่แค่การพิสูจน์ตัวเองเพียงอย่างเดียว...สำหรับผม มันเป็นการเยียวยาชีวิต ที่เคยพังไม่มีชิ้นดี”
       ยามค่ำคืนภูผานั่งดื่มชาอยู่หน้ากองไฟ
       “ม้าแตกฝูง เมื่อบาดเจ็บก็ต้องรักษาตัวเอง...ผมก็เช่นกัน”
       ศรีเรือนเงยหน้าขึ้นจากจดหมาย ถอนใจ แววตาเห็นใจ
       “ย่าเชื่อว่าแกต้องทำได้” หญิงชรายิ้ม “คนเลือดร้อนอย่างแก ไปอยู่ที่หนาวๆ ซะบ้างก็ดี เผื่อจะเย็นลงบ้าง”
       ศรีเรือนดึงหีบใบหนึ่งออกมาจากตู้ เมื่อเปิดออกเห็นว่ามีจดหมายจ่าหน้าซองด้วยลายมือภูผาเป็นปึก ศรีวางจดหมายสองสามฉบับสุดท้ายลงแล้วปิดหีบใส่กุญแจล็อค!
      
       วงเดือนนั่งถักนิตติ้งอยู่ที่หน้าเรือนพัก หญิงสาวบอกกับตัวเอง
       “รถไฟเที่ยวนั้นสิ้นสุดที่เชียงราย แต่ไม่รู้ว่าปลายทางของคุณคือที่ไหนกันแน่…จะหวังให้คุณติดต่อกลับมาหาเดือน คงจะเป็นไปไม่ได้ แต่หากวันไหนมีใครสักคนที่นี่รู้ที่อยู่ของคุณ เดือนจะฝากให้เขาเอา
       เสื้อกันหนาวไปให้…อยากให้คุณรู้ไว้เสมอว่า หัวใจพังๆ ที่คุณทิ้งไว้ มันถูกดูแลอย่างดี และดูแลอย่างนี้ตลอดไป”
      
       รุ่งเช้าภูผาหยิบจดหมายสองสามฉบับหย่อนใส่ตู้ไปรษณีย์ตรงหน้า กวาดสายตามองไปรอบๆ ที่ตรงนี้เขาไม่เคยอยู่ ไม่คุ้นตา เหมือนแสนสมุทร..บ้านของเขา
      
       เช้าวันต่อมาไปรษณีย์ขี่จักรยานมาเปิดตู้จดหมายแล้วใส่จดหมายเข้าไป เป็นจังหวะที่วงเดือนเดินออกมาหน้าบ้านพอดี เห็นไปรษณีย์ขี่รถลับตัวไป สีหน้าวงเดือนมีความหวัง นึกถึงภูผาขึ้นมา
       “คุณภูผา...”
       วงเดือนรีบเดินไปที่ตู้จดหมายแล้วเปิดออก หยิบจดหมายปึกนั้นออกมา โดยไม่รู้ว่ามีจดหมายภูผาอยู่ข้างใต้สุด
       วงเดือนค่อยๆ พลิกไล่ดูจดหมายทีละฉบับ...ทีละฉบับ ดึงจดหมายฉบับสุดท้ายของคนอื่นออกไป ก่อนจะเห็นตรงขอบมุมจดหมายของภูผา!!
      
       วงเดือนอ่านจ่าหน้าซองจดหมายของภูผา
       “คุณย่าศรีเรือน...” มองที่ลายมือจำได้ติดตา “ลายมือคุณภูผา!”
       วงเดือนเพ่งมองจดหมายอีกครั้ง เห็นตงติดสแตมป์ว่ามาจากเชียงราย!! วงเดือนกำลังจะพลิกจดหมายกลับเพื่อหาที่อยู่ของผู้ส่ง
       ทันใดนั้น ศรีเรือนเข้ามากระชากจดหมายไปจากมือวงเดือน
       “คุณท่าน...” วงเดือนตกใจ
       ศรีเรือนมองจดหมายในมือ สีหน้าโกรธเกรี้ยว
       “หล่อนมีสิทธิ์อะไรมาละลาบละล้วงจดหมายของฉัน
       วงเดือนยกมือไหว้ “ขอโทษค่ะ คุณท่าน คือเดือนกำลังรอจดหมาย...”
       ศรีเรือนสวนคำ “ส่วนเกินอย่างหล่อน จะมีใครติดต่อมาหา พ่อแม่ก็ตายไปหมดแล้วไม่ใช่เหรอ?! แล้วนี่มันก็จ่าหน้าซองถึงฉัน”
       วงเดือน กลัวนัก แต่ตัดสินใจถาม “นั่นจดหมายจากคุณภูผาใช่ไหมคะ?”
       ศรีเรือนหันขวับมาตาคมกริบ เสียงเข้ม “อย่ามาสอดรู้!”
       วงเดือนหลบตาวูบด้วยความผิดหวัง ก่อนที่จะยกมือไหว้ศรีเรือน และเดินออกไปทางหน้าบ้าน
       ศรีเรือนกำจดหมายภูผาแน่น
      
       “ฉันจะปกป้องแสนสมุทรให้ถึงที่สุด!”
ขอขอบคุณจาก manager.co.th 
 
Share this game :

No comments:

Post a Comment

 

Copyright ©2011- 2013 เรื่องย่อละคร ดูละครย้อนหลัง ดูทีวีออนไลน์ 3,5,7,8,9,tpbs ดูซิทคอม